วันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

บรรณานุกรม


บรรณานุกรม
เดชา ศิรภัทร. “ทับทิม : อัญมณีแห่งผลไม้” ,หมอชาวบ้าน. 12,169 (พฤษภาคม,2536),หน้า 22-23.
โททอลครีม. “ทับทิมผลไม้” ,[ออนไลน์].เข้าถึงข้อมูลได้จาก : https://www.facebook.com/notes/.สืบค้นวันที่ 10    
                  กรกฎาคม  2556.
ปลูกปัญญา. “การอนุรักษ์ทับทิม” ,[ออนไลน์].เข้าถึงข้อมูลได้จาก :  http://www.trueplookpanya.com/).สืบค้นวันที่ 12  
                  กรกฎาคม  2556.
ภาวิดา.ทับทิมผลไม้จากสวรรค์.พิมพ์ครั้งที่ 1.กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์ไพลิน,2555.
วิกิพีเดียสารานุกรมเสรี. “ทับทิมอัญมณี” ,[ออนไลน์].เข้าถึงข้อมูลได้จาก : http://th.wikipedia.org/wiki/.สืบค้นวันที่ 10    
                  กรกฎาคม  2556.
สรรพคุณสมุนไพร. “ลักษณะทับทิม” ,[ออนไลน์].เข้าถึงข้อมูลได้จาก : http://www.rspg.or.th/plants_data/herbs/.สืบค้น
                  วันที่ 11  กรกฎาคม 2556.
สังคมผู้หญิง. “ประโยชน์ของทับทิม” ,[ออนไลน์].เข้าถึงข้อมูลได้จาก :  http://www.n3k.in.th.สืบค้นวันที่ 12  กรกฎาคม                                         
                   2556.


บทที่๕ สรุปและอภิปรายผล


บทที่๕
สรุปและอภิปรายผล
รายงานเชิงวิชาการเรื่อง “ ทับทิม ” อัญมณีแห่งผลไม้คณะผู้จัดทำขออภิปรายผลดังนี้
ทับทิมเป็นไม้ยืนต้น หรือพรรณไม้พุ่มเป็นผลไม้ที่สวยงามและมีกลิ่นหอมมาก ทับทิมสามารถปลูกได้ในประเทศไทย แต่ที่แท้จริงเป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดมาจากเปอร์เซีย (ประเทศอิหร่านในปัจจุบัน) เป็นผลไม้มีรสหวานหรือเปรี้ยวอมหวาน ประกอบด้วยน้ำตาลและกรดที่เป็นประโยชน์ รวมถึงวิตามินเอ ซี อี ธาตุเหล็ก แคลเซียมและแมกนีเซียม ซึ่งเป็นธาตุสำคัญที่ร่างกายต้องการซึ่งส่วนต่างๆของผลทับทิมมีประโยชน์มากมนุษย์จึงศึกษาและนำส่วนต่างของทับทิมนั้นมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ชนิดต่างๆหลากหลายชนิด ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรบริโภคให้เหมาะสม ไม่ควรบริโภคมากเกินไปเพราะอาจกลายเป็นโทษต่อร่างกายได้ 

บทที่๔ ผลการศึกษา


บทที่๔
ผลการศึกษา
รายงานเชิงวิชาการเรื่อง “ ทับทิม ” อัญมณีแห่งผลไม้ คณะผู้จัดทำได้ผลการศึกษาดังนี้
นิยามคำว่า “ทับทิมเปรียบดั่งอัญมณีแห่งผลไม้” นับว่าเป็นจริงเพราะว่าทับทิมเป็นไม้ยืนต้น หรือพรรณไม้พุ่มเป็นผลไม้ที่สวยงามและมีกลิ่นหอมมาก ทับทิมสามารถปลูกได้ในประเทศไทย แต่ที่แท้จริงเป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดมาจากเปอร์เซีย (ประเทศอิหร่านในปัจจุบัน)  ทับทิมเป็นผลไม้ที่ศักดิ์สิทธิ์ ในประวัติศาสตร์ พบว่าได้มีการนำทับทิมมาทำเป็นยารักษาโรคตั้งแต่ 8,000 ปีมาแล้ว  ทับทิมเป็นผลไม้ที่ได้รับการเพาะปลูกอย่างแพร่หลาย และทำเป็นผลิตภัณฑ์ ไปทั่วโลก ในทับทิม มีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด ซึ่งมีมีสรรพคุณในด้านการรักษาโรคต่างๆได้มากมายโดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนของผล ดังตาราง

ตารางแสดงสรรพคุณของทับทิม
ทับทิม
สรรพคุณ
ใบ
สมานแผล แก้ท้องร่วง
ดอก
ใช้ห้ามเลือด
เนื้อหุ้มเมล็ด
แก้กระหายน้ำ แก้โรคลักปิดลักเปิด
ราก
ใช้ถ่ายพยาธิตัวตืด, ไส้เดือน, เส้นด้าย และฝาดสมาน
เปลือกต้น
ใช้ถ่ายพยาธิตัวตืด, ไส้เดือน, เส้นด้าย และฝาดสมาน
เปลือกผล
สมานแผล แก้บิด แก้ท้องร่วง
ผล











ทับทิม
ขจัดไขมันส่วนเกิน ช่วยป้องกันอาการแพ้ท้อง ทำให้ผิวสวย
·         บำรุงกำลัง ป้องกันโรคขี้หลงขี้ลืมในผู้สูงอายุ
·         ช่วยในระบบฟอกโลหิต (ล้างสารพิษ) และระบบการหมุนเวียนในร่างกาย
·         ช่วยบำรุง และฟื้นฟูการทำงานระบบหัวใจ ตับ
·         ช่วยบำรุงไต และท่อปัสสาวะ
·         ต่อต้านการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
·         มีสารต้านอนุมูลอิสระ หลายชนิดที่มีประสิทธิภาพสูง
·         ป้องกันเส้นเลือดอุดตัน และแข็งตัว ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคหัวใจขาดเลือด
·         ควบคุมการทำงานของอินซูลิน ช่วยฟื้นฟูในผู้ป่วยโรคเบาหวาน
·         ช่วยในการย่อยอาหาร ลดอาการจุกเสียด
·         สามารถลดไขมันที่อุดตันในเส้นเลือดที่เป็นอยู่น้อยลงได้

สรรพคุณ
ผล
·         ลดความดันโลหิตในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง
·         สามารถยับยั้งการก่อเซลล์มะเร็งเต้านม 80%
·         ลดอาการวูบวาบ วิงเวียน และอ่อนเพลียในผู้ป่วยช่วงวัยทอง


ทับทิมสามารถนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆมากมายให้ตรงกับความต้องการของการใช้งาน และสรรพคุณของทับทิมนั้นก็ยังคงอยู่ ดังตาราง

ตารางผลิตภัณฑ์ทับทิมและสรรพคุณ
ผลิตภัณฑ์
การใช้งาน/สรรพคุณ
ครีมบำรุงผิว
ทำให้ผิวชุ่มชื่น กระจ่างใส อ่อนวัย
สบู่เหลวอาบน้ำ
ทำความสะอาดให้ความชุ่มชื่นแก่ผิว
ชา
ต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันเส้นเลือดอุดตัน และแข็งตัว
อาหารเสริม
ต่อต้านการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
แผ่นมาร์คหน้า
ทำให้ผิวชุ่มชื่น กระจ่างใส อ่อนวัย
เจลล้างหน้า
ทำความสะอาดผิว ผิวขาวกระจ่างใส
สบู่ก้อน
ทำความสะอาดร่างกาย ผิวสวย
สเปรย์ดับกลิ่นเท้า
ดับกลิ่นเท้าได้ยาวนาน
แป้งตลับ
เครื่องสำอางบำรุงผิวหน้า
น้ำหอม
ดับกลิ่นตัว
ยาสระผม
บำรุงเส้นผมให้เงางาม ลดการขาดร่วง
ยาหอม
ลดอาการวิงเวียนศรีษะ
สเปรย์บำรุงผม
บำรุงเส้นผมให้แข็งแรง ไม่ขาดร่วง
เครื่องดื่มบำรุงผิวพรรณ
ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง กระจ่างใส
ลิปสติก
เครื่องสำอาง ให้ความชุ่มชื่นแก่ริมฝีปาก
น้ำผลไม้
·         ช่วยบำรุง และฟื้นฟูการทำงานระบบหัวใจ ควบคุมการทำงานของอินซูลิน ช่วยฟื้นฟูในผู้ป่วยโรคเบาหวาน

ไอศกรีม
ดับกระหาย มีสารต้านอนุมูลอิสระ

บทที่ ๓ วิธีดำเนินการ


บทที่ ๓
            วิธีดำเนินการ
รายงานเชิงวิชาการเรื่อง “ ทับทิม ” อัญมณีแห่งผลไม้ คณะผู้จัดทำได้ดำเนินการดังต่อไปนี้
๑.กำหนดปัญหาและวัตถุประสงค์ของเรื่องกับเพื่อนสมาชิกกลุ่ม
๒.สืบค้นข้อมูลจากหนังสือ วารสาร และ อินเทอร์น็ต
๓.นำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์และเรียบเรียงตามลำดับความสำคัญของเรื่อง
๔.เขียนผลการศึกษาและร่างแบบเค้าโครงรายงาน
๕.สรุปผลอภิปรายผลข้อมูลและจัดทำรายงานฉบับจริง
๖.นำไปปรึกษาคุณครูเพื่อขอคำแนะนำที่ถูกต้อง
๗.จัดทำรูปเล่มรายงานที่สมบูรณ์

บทที่ ๒
เนื้อเรื่องที่เกี่ยวข้อง
ความหมายของทับทิม
                ผลไม้
ทับทิม มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Punica granatum L.วงศ์ Punicaceae ภาษาอังกฤษเรียก Pomegranate
ชื่อท้องถิ่น เซี๊ยะลิ้ว, พิลา, พิลาขาว, มะก่องแก้ว, มะเก๊าะ, หมากจัง เป็นไม้ผลขนาดเล็ก มีขนาดประมาณ ๕-๘ เมตร
ทับทิม เป็นผลไม้ที่สวยงามและมีกลิ่นหอมมาก ทับทิมสามารถปลูกได้ในประเทศไทย แต่ที่แท้จริงเป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดมาจากเปอร์เซีย (ประเทศอิหร่านในปัจจุบัน)  ทับทิมเป็นผลไม้ที่ศักดิ์สิทธิ์ ในประวัติศาสตร์ พบว่าได้มีการนำทับทิมมาทำเป็นยารักษาโรคตั้งแต่ 8,000 ปีมาแล้ว ในประเทศเปอร์เซียโบราณมีความเชื่อว่า คุณค่าทางอาหารทุกชนิดที่มีอยู่ในผลไม้ต่าง ๆ นั้น รวมกันอยู่ในทับทิม ทับทิมเป็นผลไม้ที่ได้รับการเพาะปลูกอย่างแพร่หลาย  และทำเป็นผลิตภัณฑ์ ไปทั่วโลก ในทับทิม มีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด ซึ่งมีมากทั้งใน เปลือก เมล็ด และน้ำทับทิม ได้แก่ polyphenols, anthocyanins,  anthrocyanidins, ellagic acid derivatives, และ ydrolysable tannins
ทับทิมเป็นผลไม้มีรสหวานหรือเปรี้ยวอมหวาน น้ำคั้นจากเมล็ดทับทิมมีกลิ่นหอมชวนดื่ม ประกอบด้วยน้ำตาลและกรดที่เป็นประโยชน์ รวมถึงวิตามินเอ ซี อี ธาตุเหล็ก แคลเซียมและแมกนีเซียม ซึ่งเป็นธาตุสำคัญที่ร่างกายต้องการซึ่งส่วนต่างๆของผลทับทิมมีประโยชน์มากมายตามนี้ (โททอลครีม.[ออนไลน์]. https://www.facebook.com/notes/).

อัญมณี
ทับทิม หรือ มณี ,รัตนราช,ปัทมราช (ภาษาอังกฤษ: Ruby) เป็นรัตนชาติชนิดหนึ่ง จัดอยู่ในตระกูลคอรันดัม(Corundum) เช่นเดียวกับบุษราคัม ไพลิน เขียวส่องและ Fancy shappire มีความแข็งรองจากเพชรเป็นที่นิยมนำมาทำเป็นเครื่องประดับมาก เพราะมีสีสวยและมีความแข็งแกร่งเปล่งประกายจับตา เป็นที่นิยมมากกว่าอัญมณีสีแดงชนิดอื่นๆ มนุษย์รู้จักทับทิมมานาน กษัตริย์มักนำมาประดับมงกุฎและสวมใส่ออกขณะรบ เป็นที่แพร่หลายมากๆในชมพูทวีป ทับทิมในภาษาสันสกฤตโบราณคือ “ratanraj” หมายถึงเจ้าแห่งอัญมณีทั้งปวง จนทับทิมถูกขนานนามว่าอัญมณีแห่งราชา ในประเทศไทยนั้นถือว่าทับทิมเป็นอัญมณีหนึ่งในนพรัตน์ โดยธรรมชาตินั้นทับทิมมักมีเนื้อขุ่น ตำหนิมากบางชิ้นทึบแสงดูไม่สวยงามดังนั้นทับทิมในท้องตลาดส่วนใหญ่ผ่านการเพิ่มคุณภาพด้วยความร้อนมาแทบทั้งสิ้น สีที่นับว่าหายากและราคาแพงมหาศาลคือ สีแดงสดแบบเลือดนกพิราบเนื้อใสสะอาดสมบูรณ์แบบทั้งสัดส่วนและประกายขนาด 3-4กะรัตอาจจะมีราคาสูงกว่า 7 หลัก ถ้าสูงกะรัตกว่านี้จะหายากมากๆราคาอาจถึง 8หลักเลยทีเดียว สีแดงอมชมพูก็เป็นที่นิยมอย่างมากส่วนใหญ่มาจากพม่า มีราคาสูงมาก นอกจากนั้นทับทิมยังมีการเกิดปรากฏการณ์สตาร์ มีลักษณะสาแหรกเนดาว 6 แฉกอยู่กลางพลอย ชนิดนี้ก็มีราคาสูงจะเจียระไนทรงหลังเต่า หลังเบี้ยแต่ควรระวังของปลอม ปัจจุบันมีการทำ “ดาวปลอม”ด้วยการดิฟิวชั่น ข้อสังเกตคือของธรรมชาติจะไม่มีเส้นแฉกดาวคมชัดและเห็นยาวไม่จนถึงก้น ลักษณะขาดาวอาจเลือนๆและดูเหมือนอยู่ลึกลงไปในพลอย ก้นพลอยอาจไม่มีการเจียระไนแต่โกลนไว้เฉยๆก็ได้ ทับทิมที่มีความงาม ประกายดีและสะอาดจะถูกเจีนระไนแบบเหลี่ยมประกาย ส่วนที่มีตำหนิมักเจียระไนแบบหลังเต่าหรือหลังเบี้ย (วิกิพีเดียสารานุกรมเสรี.[ออนไลน์]. http://th.wikipedia.org/wiki/).

ลักษณะของทับทิม
                ชื่อวิทยาศาสตร์ :   Punica granatum  L.
ชื่อสามัญ :   Pomegranate , Punica apple                                                                                         วงศ์ :    Punicaceae                                                                                                                                         
ชื่ออื่น :   พิลา (หนองคาย) พิลาขาว มะก่องแก้ว (น่าน) มะเก๊าะ (เหนือ) หมากจัง (แม่ฮ่องสอน)           
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ยืนต้น หรือพรรณไม้พุ่ม ขนาดเล็ก ลักษณะผิวเปลือกลำต้นเป็นสีเทา ส่วนที่เป็นกิ่งหรือยอดอ่อนจะเป็นเหลี่ยม หรือ มีหนามแหลมยาวขึ้น ใบ ใบมีลักษณะเป็นรูปยาวรี โคนใบมน แคบ ส่วนปลายใบเรียวแหลมสั้น ผิวหลังใบ เกลี้ยงเป็นมัน ใต้ท้องใบจะเห็นเส้นใบได้ชัด ขนาดของใบกว้างประมาณ 1 – 1.8 ซม. ยาว ประมาณ 2.5 – 6 ซม. ดอก ดอกออกเป็นช่อ หรืออาจจะเป็น ดอกเดียว ในบริเวณปลายยอด หรือง่ามกิ่ง ลักษณะของดอกมีเป็น สีส้ม สีขาว หรือสีแดง ดอกหนึ่งมีกลีบดอกประมาณ 6 กลีบ ปลายกลีบ ดอกจะแยกออกจากกัน ตรงกลางดอกมีเกสร ตัวเมีย และตัวผู้ซึ่งมีอับเรณูเป็นสีเหลือง ขนาดของดอกบานเต็มที่มีเส้นผ้าศูนย์กลางประมาณ 2 – 3 ซม. ผลมีลักษณะเป็นรูปค่อนข้าง กลม ผิวเปลือกนอกหนาเกลี้ยง ผลเมื่อแก่หรือ สุกเต็มที่มีสีเหลืองปนแดง และลักษณะของผล จะแตก หรืออ้างออก ข้างในผลก็จะมีเมล็ดเป็น จำนวนมาก เป็นรูปเหลี่ยม มีสีชมพูสด ดอก ดอกออกเป็นช่อ หรืออาจจะเป็น ดอกเดียว ในบริเวณปลายยอด หรือง่ามกิ่ง ลักษณะของดอกมีเป็น สีส้ม สีขาว หรือสีแดง ดอกหนึ่งมีกลีบดอกประมาณ 6 กลีบ ปลายกลีบ ดอกจะแยกออกจากกัน ตรงกลางดอกมีเกสร ตัวเมีย และตัวผู้ซึ่งมีอับเรณูเป็นสีเหลือง ขนาดของดอกบานเต็มที่มีเส้นผ้าศูนย์กลางประมาณ 2 – 3 ซม. ผลมีลักษณะเป็นรูปค่อนข้าง กลม ผิวเปลือกนอกหนาเกลี้ยง ผลเมื่อแก่หรือ สุกเต็มที่มีสีเหลืองปนแดง และลักษณะของผล จะแตก หรืออ้างออก ข้างในผลก็จะมีเมล็ดเป็น จำนวนมาก เป็นรูปเหลี่ยม มีสีชมพูสด (สรรพคุณสมุนไพร.[ออนไลน์].http://www.rspg.or.th/plants_data/herbs/).

 ประโยชน์ของทับทิม
ประโยชน์ด้านต่างๆ ของทับทิม
เมล็ดทับทิมมีเนื้อหุ้มใสสีแดงเข้มเป็นประกายนั้น มองดูคล้ายพลอยแดงน้ำดีที่เจียระไนแล้ว สมกับที่มีผู้ยกย่องทับทิมว่าเป็นอัญมณีแห่งผลไม้” นอกจากความงดงามแล้ว รสชาติของทับทิมยังดีเยี่ยมอีกด้วย น้ำคั้นจากผลทับทิมดื่มแล้วสดชื่นแก้กระหายน้ำได้ดีมาก เพราะมีทั้งน้ำตาลและกรดที่เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะกรดแอสคอร์บิกหรือวิตามินซี ซึ่งช่วยรักษาโรคลักปิดลักเปิดด้วย เนื่องจากทับทิมเป็นต้นไม้ที่มีคุณสมบัติด้านสมุนไพรที่เด่นมากชนิดหนึ่ง สามารถนำเอาส่วนต่างๆ มาทำยารักษาโรคได้หลายชนิด เป็นที่รู้จักดีในกลุ่มคนหลายกลุ่มมาแต่โบราณกาล เช่น ชาวอียิปต์ และชาวฟีนีเซี่ยน เมื่อหลายพันปีมาแล้วก็ใช้ทับทิมเป็นสมุนไพร ต่อเนื่องมาถึงกลุ่มชนอื่นๆ เช่น
ชาวอาหรับ ใช้เปลือกรากทับทิมสดๆ ต้มน้ำ ใช้ดื่มถ่ายพยาธิตัวตืด ใช้เปลือกผลทับทิม (ผสมกานพลูและฝิ่น) รักษาโรคบิดและท้องร่วงอย่างแรง เปลือกจากลำต้นทับทิม ต้มน้ำใช้ถ่ายพยาธิชนิดต่างๆ ร่วมกับยาถ่าย
ชาวฮินดู ใช้น้ำคั้นจากผลทับทิม และดอกทับทิม ปรุงยาธาตุ ใช้สมานลำไส้ แก้ท้องเสีย เมล็ดทับทิมแก้ท้องเสีย ใช้บำรุงหัวใจ
ชาวไทย ทับทิมทั้งต้นหรือทับทิมทั้ง 5 ; ใช้เป็นยาระบาย หรือถ่ายพยาธิเส้นด้ายและตัวตืด
·         เปลือก ราก และเปลือกต้น ใช้ถ่ายพยาธิตัวตืด, ไส้เดือน, เส้นด้าย และฝาดสมาน
·         ใบ สมานแผล แก้ท้องร่วง อมกลั้วคอ ทำยาล้างตา
·         ดอก ใช้ห้ามเลือด
·         เปลือกผล สมานแผล แก้บิด แก้ท้องร่วง (มีแทนนิน) ร้อยละ 22-25
·         เนื้อหุ้มเมล็ด แก้กระหายน้ำ แก้โรคลักปิดลักเปิด
น่าสังเกตว่า ชาวไทยใช้ประโยชน์จากทับทิมด้านสมุนไพรมากกว่าชาติอื่นๆ และผลทับทิมในประเทศไทยได้รับความนิยมน้อยกว่าประเทศอื่นๆ อาจเป็นเพราะว่าพันธุ์ทับทิมที่มีอยู่ในประเทศไทยยังมิใช่พันธุ์ที่ให้ผลคุณภาพดีเยี่ยมสำหรับการบริโภคเป็นผลไม้

สรรพคุณ / ประโยชน์ของทับทิม
ทั้งนี้ได้มีการศึกษาวิจัยในระยะหลังช่วยยืนยันถึงสรรพคุณทางยาและประโยชน์ของทับทิมไว้มากมาย ได้แก่ ในเปลือกทับทิมมีสารในกลุ่มแทนนินสูงมีสรรพคุณใช้เป็นยาแก้ท้องเดิน โรคบิด ฆ่าเชื้อแบคทีเรียหลายสิบชนิด ลดอาการอักเสบ ทั้งยังมีฤทธิ์ต่อต้าน และยับยั้งเซลล์มะเร็งได้หลายชนิดไม่ให้เพิ่มจำนวนขึ้น เช่น มะเร็งผิวหนัง มะเร็งลำไส้ มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับ มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อลูกหมาก เป็นต้น
             การวิจัยทางการแพทย์ของสหรัฐอเมริกาพบว่า

ในน้ำทับทิมมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดและมีประสิทธิภาพสูงมาก สามารถลดภาวการณ์สะสมไขมันในผนังเส้นเลือด ป้องกันเส้นเลือดอุดตันและแข็งตัว ซึ่งจะก่อให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือดตามมา รวมทั้งทำให้เส้นเลือดที่หนาตัวและมีไขมันสะสมซึ่งเป็นเส้นเลือดที่ไม่ดีมีความหนาตัวลดลงและลดไขมันที่สะสมลงอีกด้วย ช่วยบำรุงหัวใจในผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจขาดเลือดโดยเพิ่มการไหลเวียนที่ดีขึ้นและลดภาวะหัวใจขาดเลือดในผู้ป่วยโรคหัวใจ นอกจากนี้สารจากทับทิมยังช่วยบำรุงตับมีฤทธิ์ป้องกันการเป็นพิษต่อตับและยับยั้งเซลล์มะเร็งอีกด้วย รวมถึงมีการทดลองทางเภสัชวิทยาพบว่า เปลือกหุ้มรากทับทิมมีฤทธิ์ในการขับพยาธิตัวตืด นอกจากนี้เปลือกหุ้มรากยังมีฤทธิ์ต้านเชื้อได้หลายชนิด เช่น เชื้อไทฟอยด์ เชื้อวัณโรค เป็นต้น และยังมีฤทธิ์ต้านเชื้อราที่ผิวหนังด้วย
ตำรับการแพทย์แผนไทยได้บอกถึงสรรพคุณและประโยชน์ของทับทิมว่า
ใบ มีรสฝาด แก้ท้องร่วง แก้บิดมูกเลือด สมานแผล ดอก มีรสฝาดหวาน ต้มดื่มแก้หูชั้นในอักเสบ บดโรยแผลที่มีเลือดออก เนื้อมีรสหวานอมเปรี้ยวเป็นยาระบายอ่อน ๆ บำรุงหัวใจ เปลือกมีรสฝาด ต้มดื่มแก้ท้องร่วง แก้บิดมูกเลือด ถ่ายพยาธิ แก้ตกขาว สมานแผล ฆ่าเชื้อโรค เปลือกราก ต้มดื่มแก้ระดูขาว แก้ตกเลือด ถ่ายพยาธิ นอกจากนี้ทางสมุนไพรของจีนถือว่าทับทิมมีฤทธิ์เย็น รสหวานอมเปรี้ยวจึงช่วยแก้กระหาย ป้องกันโลหิตจางระงับกลิ่นปาก ลดไข้ แก้ตาอักเสบ หลอดลมอักเสบ และบำรุงตา ถึงแม้จะรู้จักกันมาหลายพันปีแล้วว่า ทับทิมเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมีสรรพคุณเป็นยารักษาโรคได้หลายชนิด แต่ก็ไม่ค่อยมีใครชอบกินทับทิม เหมือนผลไม้อื่น ๆ แค่นำมาใช้ในพิธีกรรมทางศาสนาเท่านั้นอาจเป็นเพราะว่าทับทิมมีเนื้อน้อยก็เป็นได้

คุณประโยชน์ของทับทิม                                                                                                                                         
-                   ขจัดไขมันส่วนเกิน ช่วยป้องกันอาการแพ้ท้อง ทำให้ผิวสวย
·         บำรุงกำลัง ป้องกันโรคขี้หลงขี้ลืมในผู้สูงอายุ
·         ช่วยในระบบฟอกโลหิต (ล้างสารพิษ) และระบบการหมุนเวียนในร่างกาย
·         ช่วยบำรุง และฟื้นฟูการทำงานระบบหัวใจ ตับ (ป้องกันการเป็นพิษต่อตับจากสารพิษ)
·         ช่วยบำรุงไต และท่อปัสสาวะ
·         ต่อต้านการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ และเพิ่มพลัง
·         มีสารต้านอนุมูลอิสระ หลายชนิดที่มีประสิทธิภาพสูงมาก
·         ป้องกันเส้นเลือดอุดตัน และแข็งตัว ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคหัวใจขาดเลือด
·         ควบคุมการทำงานของอินซูลิน ช่วยฟื้นฟูในผู้ป่วยโรคเบาหวาน
·         ช่วยในการย่อยอาหาร ลดอาการจุกเสียด
·         สามารถลดไขมันที่อุดตันในเส้นเลือดที่เป็นอยู่น้อยลงได้
·         ลดความดันโลหิตในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง ถ้ารับประทาน 1 ขวด/วัน
·         สามารถยับยั้งการก่อเซลล์มะเร็งเต้านม 80%
·         ลดอาการวูบวาบ วิงเวียน และอ่อนเพลียในผู้ป่วยช่วงวัยทอง
(สังคมผู้หญิง.[ออนไลน์]. http://www.n3k.in.th).



การอนุรักษ์ทับทิม
 การขยายพันธุ์จากส่วนต่าง ๆ ของพืช
    การเพาะเมล็ด
     วิธีการที่ใช้ในการขยายพันธุ์พืชแบบอาศัยเพศที่ใช้กันอยู่ทั่วไป คือ การเพาะเมล็ด มีข้อจำกัดหลายอย่าง กล่าวคือ เป็นวิธีที่ทำให้ได้พืชต้นใหม่ที่มีลักษณะแตกต่างไปจากต้นแม่ ไม่ตรงกับความต้องการ ใช้เวลานานเพื่อรอเก็บผลผลิต และต้องใช้พื้นที่การปลูกกว้างมากถ้าต้นพืชมีขนาดใหญ่ ทำให้มีการคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้แทนการเพาะเมล็ด อย่างไรก็ตามการเพาะเมล็ดก็ยังมีความจำเป็น ดังนี้
     1.  เพื่อให้ได้ต้นพืชต้นใหม่ที่จะนำมาใช้เป็นต้นตอในการขยายพันธุ์ด้วยวิธีอื่นต่อไป
     2.  เมื่อพันธุ์พืชที่ต้องการจะขยายพันธุ์นั้นไม่สามารถใช้วิธีการขยายพันธุ์ด้วยวิธีอื่น
     3.  เมื่อต้องการปรับปรุงพันธุ์พืชสายพันธุ์ใหม่ ๆ
     การที่เมล็ดจะสามารถงอกเป็นต้นกล้าและเจริญเติบโตเป็นต้นพืชที่แข็งแรงสมบูรณ์ได้นั้นจะเกี่ยวข้องกับปัจจัย 2 ประการ คือ 
     1.  สภาพความสมบูร์ของเมล็ด ต้องเป็นเมล็ดที่ยังมีชีวิตและไม่ได้รับความเสียหายในขณะที่ทำการเก็บเกี่ยว กล่าวคือ มีเมล็ดใหญ่และไม่แตกหัก
     2.  สภาพแวดล้อม จะต้องมีน้ำ อุณหภูมิ แสง และแก๊สออกซิเจนอยู่อย่างเพียงพอ

การปักชำ
     การปักชำ เป็นการนำส่วนต่าง ๆ ของพืชพันธุ์ดีที่เราต้องการมาตัดแล้วปักชำลงในวัสดุเพา เพื่อให้ได้ต้นพืชต้นใหม่จากส่วนที่นำมาปักชำนั้น ส่วนของพืชที่นิยมนำมาปักชำ ได้แก่ ใบ กิ่ง และราก แต่จะใช้ส่วนใดนั้นก็ขึ้นอยู่กับชนิดของพืช

การตอนกิ่ง
     การตอนกิ่ง เป็นวิการขยายพันธุ์พืชที่ทำให้กิ่งพืชเกิดรากขณะที่ยังอยู่บนต้น เมื่อนำกิ่งตอนนี้ไปปลูกจะได้พืชต้นใหม่ที่มีลักษณะเหมือนต้นเดิมทุกประการ

การติดตา
     การติดตา เป็นวิธีการขยายพันธุ์พืชที่ใช้ตาของกิ่งพันธุ์ดีไปติดบนต้นตอที่แข็งแรง มีวิธีทำหลายแบบ เช่น แบบตัวที (T) แบบเปิดเปลือกไม้ 2 ด้าน (คล้ายหน้าต่าง) หรือแบบจะงอยปากนก

การต่อกิ่ง
     การต่อกิ่ง เป็นวิธีการขยายพันธุ์และเปลี่ยนพันธุ์พืชด้วย ทำได้โดยใช้กิ่งพันธ์ดีเพียงพันธุ์เดียวหรือใช้กิ่งพันธุ์ดีหลาย ๆ พันธุ์ ไปต่อกับต้นตอต้นเดียวกัน เพื่อให้ได้ผลผลิตจากพืชหลายพันธุ์ในต้นเดียว หรือใช้วิธีต่อกิ่งเพื่อค้ำยันหรือเสริมรากเพื่อยึดลำต้น ไม่ให้ต้นพืชโค่นล้มก็ได้


การปลูกทับทิม
เริ่มแรกของการปลูกทับทิมจะต้องปลูกตามตะวัน ปลูกเป็นแถวยาวจากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตก 
ถ้าปลูกขวางตะวัน คือปลูกเป็นแถวยาวจากทิศเหนือไปทิศใต้จะส่งผลให้ต้นทับทิมออกดอกติดผลเพียงข้างเดียว
หรือให้ผลผลิตไม่ดก ใช้ระยะระหว่างต้น4 เมตรและระยะระหว่างแถว 7 เมตร จะเหมาะที่สุด เพราะจะช่วยลดปัญหาการสะสมของเชื้อรา ที่เป็นปัญหาหลักของการปลูกทับทิม แปลงปลูกทับทิมในเชิงพาณิชย์จะต้องมีอากาศถ่ายเทได้สะดวกแสงสว่างส่องได้ทั่วถึง
            ปุ๋ยที่ใช้คือ ปุ๋ยคอก และปุ๋ยคอกที่เลือกใช้ คือ ขี้หมูนำมาตักราดบริเวณทรงพุ่มต้น ทับทิม สังเกตจากการใช้ขี้หมูพบว่า ต้นทับทิมแตกใบใหญ่และเขียวเป็นมัน ถ้าซื้อขี้หมูจากฟาร์มที่ชาวบ้านหรือบริษัทเอกชนเลี้ยงมักจะมีการ ใช้ยาฆ่าเชื้อเพื่อดับกลิ่นเหม็นหรือฆ่าเชื้อราซึ่งมีสารโซดาไฟ เมื่อนำมาใส่ให้กับต้นทับทิมอาจจะเป็นพิษกับต้นทับทิมได้ จะต้องระวังเป็นพิเศษ สำหรับปุ๋ยเคมีที่ใช้จะเน้นสูตร8-24-24 โดยใช้ในปริมาณ 20% ของการใช้ปุ๋ยทั้งหมดจะใส่ในช่วงเตรียมต้นก่อนออกดอก และมีการฉีดพ่นปุ๋ยทางใบเพื่อเพิ่มความสมบูรณ์แลปรับปรุงคุณภาพของผลบ้าง

ปัญหาของทับทิม ผลแตกจะเกิดจากสาเหตุใหญ่ๆ2 ประการ คือ ผลถูกทำลายด้วยโรคแอนแทรกโนส ในช่วงระยะการเจริญเติบโตของผลทับทิมและมีเชื้อแอนแทรกโนสเข้าทำลายที่ผลอ่อนจนเกิดแผล ทำให้ผลไม่ขยายและแตกในที่สุด แนะนำให้มีการฉีดพ่นสารฆ่าเชื้อราในกลุ่มคอปเปอร์ออกซีคลอไรด์ แต่จะต้องฉีดใน
ช่วงที่ต้นทับทิมยังไม่ออกดอก แต่ถ้าช่วงระยะทับทิมออกดอกและติดผลอ่อนแนะนำให้ใช้สารโวเฟ่น แต่การป้องกันโรคแอนแทรกโนสแบบยั่งยืนคือ เรื่อง การจัดการแสงและทิศทางลมเป็นที่สังเกตว่าเกษตรกรที่ปลูกทับทิมในระบบชิดจะเกิดปัญหาโรคแอนแทรกโนสระ บาดง่ายและค่อนข้างรุนแรง ผลทับทิมโดนแดดเผาหรือที่ภาษาทางวิชาการเรียก ซันเบิร์น ผลทับทิมที่โดนแดดมากๆ จะทำให้ผิวเปลือกทับทิมด้าน ไม่สามารถขยายผลได้ เมื่อได้รับน้ำหรือมีฝนตกลงมาหรือมีการใส่ปุ๋ยจะทำให้ผลแตกได้ แต่สำหรับทับทิมพันธุ์ศรีปัญญามีข้อดีตรงที่ขนาดของผลใหญ่ ทำให้ผลมักจะห้อยตกอยู่ภายในทรงพุ่ม จึงไม่ได้สัมผัสแดดโดยตรง แต่ถ้าเป็นทับทิมสายพันธุ์อื่นๆ จะแก้ปัญหาด้วยการห่อผลโดยห่อในระยะผลมีอายุได้ประมาณ40-45 วันหลังจากติดผลอ่อนและจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้หลังจากห่อผลไป ประมาณ1 เดือนครึ่ง หรือสังเกตง่ายๆ คือ ห่อในระยะที่ขนาดผลทับทิมใหญ่ใกล้เคียงกับผลส้มเขียวหวาน จะช่วยลดปัญหาเรื่องแดดเผาได้ (ปลูกปัญญา.[ออนไลน์]. http://www.trueplookpanya.com/new/cms_detail/knowledge/2200-00/).